วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552
9 วิธีง่ายๆ ที่จะดูแลตัวเองให้พ้นจากไข้หวัด 2009 และช่วยลดการระบาด
1.วิธีที่ง่าย ที่สุดคือ หลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงต่างๆ เช่น สถานที่แออัด โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า หรือจะเรียกว่า ปฏิบัติการอยู่บ้าน ต้านหวัด ก็ได้ นอกจากนั้นแล้วก็ต้องล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์
2. ระมัดระวังในการแตะต้องสิ่งของที่ต้องใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได ปุ่มกดลิฟท์ เช่น อาจจะหาดินสอแท่งเล็กๆ ไว้สำหรับกดลิฟท์โดยเฉพาะ แต่ระวังอย่านำดินสอแท่งนั้นมาสัมผัสหน้าหรือนำเข้าปาก หรืออาจใช้ข้อศอกผลักประตูแทนการใช้มือ
3. หลีกเลี่ยงการจับมือ การทักทายด้วยการจุมพิต หรือกิจกรรมทางสังคมอื่นๆที่อาจต้องสัมผัสกับผู้อื่นอย่างใกล้ชิด เช่น งานเต้นรำ การกอดรัดแนบชิด เป็นต้นที่สำคัญหลีกเลี่ยงการเอามือจับจมูก ปาก ขยี้ตา อันเป็นโอกาสนำเชื้อที่อาจอยู่ที่มือเราเข้าไปสู่ร่างกายได้
4. ไม่สูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะยิ่งทำให้คุณมีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ง่ายขึ้น และอาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้
5. เมื่อกลับถึงบ้าน ล้างมือ อาบน้ำ สระผมทันที ก็มีส่วนช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรค
6. ช่วยลดการระบาดด้วยการระมัดระวังเรื่องสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจเมื่ออยู่ ร่วมกับผู้คน (เช่น การไอหรือจาม) ถ้าไม่มีผ้าปิดปาก ให้ไอหรือจามใส่แขนเสื้อท่อนบน ก็จะช่วยให้เชื้อโรคอยู่เฉพาะบริเวณนั้น ไม่แพร่กระจายไปยังผู้อื่น (ไม่ใช้มือปิดปากเวลาไอหรือจาม เพราะมือจะเป็นตัวแพร่เชื้อโดยการสัมผัสต่อๆไป)
7. ล้างมือให้สะอาดหลังจากไอหรือจาม หรือหลังจากจับต้องสิ่งของที่อาจจะทำให้เกิดการแพร่เชื้อโดยผู้ที่ใช้ก่อน เรา แล้วเช็ดมือให้แห้งด้วยกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วทิ้งเลย หลีกเลี่ยงการเช็ดมือกับผ้าที่ใช้ต่อๆ กัน
8. ใช้กระดาษทิชชูเวลาที่ต้องการสั่งน้ำมูก และทิ้งเมื่อไม่ใช้แล้ว และล้างมือ
9. หากใช้หน้ากากอนามัย ควรทิ้งหลังจากที่ใช้แล้วและล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังถอดหน้ากากอนามัย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.flu2009thailand.com
วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552
อาการ จาก ไข้หวัดใหญ่
1.ไข้หวัดใหญ่ที่ไม่มีโรคแทรกซ้อน ระยะฟักตัว 1-4วัน โดยเฉลี่ย 2 วัน
ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียอย่างฉับพลัน เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดตามแขนขา ปวดข้อ ปวดรอบตา ไข้สูง 39-40 ํ c เจ็บคอและคอแดงมีน้ำมูกใสไหล ไอแห้งๆ ตามตัวจะร้อน แดง ตาแดง อาการอาเจียน หรือท้องเดิน ไข้เป็น 2-4 วันแล้วค่อยๆลดลงแต่อาการคัดจมูก และแสบคอยังคงอยู่โดยทั่วไปจะหายใน 1 สัปดาห์
2.สำหรับรายที่เป็นรุนแรงมักเกิดในผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังอยู่ก่อนมักจะเกิดโรคแทรกซ้อนที่ระบบอื่นด้วยเช่น
อาจพบการอักเสบของเยื่อหุ้มหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก หรืออาการหัวใจวาย ผู้ป่วยจะเหนื่อยหอบ ระบบประสาท พบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และสมองอักเสบผู้ป่วยจะปวดศีรษะมาก และซึมลง ระบบหายใจ มีหลอดลมอักเสบ และปอดบวมผู้ป่วยจะแน่นหน้าอก และเหนื่อย โดยทั่วไปไข้หวัดใหญ่มักจะหายในไม่กี่วัน แต่ก็มีผู้ป่วยบางรายมีอาการไอ และปวดตามตัวนาน 2 สัปดาห์ ส่วนผู้ที่เสียชีวิตมักจะเกิดจากปอดบวม และโรคหัวใจหรือโรคที่ผู้ป่วยเป็นอยู่
ข้อมูลจาก : Siamhealth.net