วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แพทย์ร่อน จม.เปิดผนึก แย้ง ก.สาธารณสุข ส่งสัญญานผิดเรื่องไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ (2009 swine flu)

6 กค.2552

เรียน สื่อมวลชนทุกท่าน

การ ที่กระทรวงสาธารณสุขบอกว่า การป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นั้น สามารถทำได้ 3 อย่างคือ กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง และหมั่นล้างมือ เท่านั้น

เป็น การส่งข่าวสารที่ไม่ครบถ้วนไปสู่ประชาชน ทำให้ประชาชนไม่สามารถระมัดระวังป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สาย พันธุ์ใหม่ 2009 และไม่สามารถควบคุมไม่ให้ผู้ป่วย แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ (ดังจะเห็นได้จากการมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากมาย ตัวเลขที่กระทรวงบอกว่า มีกี่รายนั้น อาจจะต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะโรงพยาบาลไม่ได้ตรวจคัดกรอง หรือยืนยันว่าใครเป็นไข้หวัดใหญ่หรือไม่ ทุกๆ คน)


ทั้ง นี้ เพราะไวรัสไข้หวัดใหญ่นั้น จะทำให้เกิดอาการเหมือนไข้หวัดทั่วไป คือ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล (เด็กๆ ก็จะมีทั้งน้ำมูก น้ำลายไหล)ใน น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ของผู้ป่วยเป็นไข้ไหวัดใหญ่ จะมีเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่มาก


เมื่อ คนเป็นหวัดไอ หรือจาม โดยไม่ใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก ก็จะทำให้มีเชื้อไวรัสแพร่กระจายออกมากับ ละอองน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะ ที่ไอ จาม หรืออาเจียนออกมา โดยละอองน้ำมูก น้ำลาย ฯลฯ ต่างๆ นี้ ก็จะมีเชื้อไวรัสปนออกมา ล่องลอยอยู่ในอากาศ


คน ที่อยู่ใกล้ชิด ที่หายใจเอาละอองน้ำมูกน้ำลาย ฯลฯ ของผู้ป่วย ก็จะได้รับเชื้อไวรัสเข้าไปในทางเดินหายใจโดยตรง ทำให้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ง่าย


ส่วน การที่ละอองน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ที่หลั่งออกมาจากผู้ป่วย และแพร่กระจายโดยการไอหรือจาม ก็อาจจะแห้ง กลายเป็นละอองเล็กๆ ล่องลอยในอากาศ ผู้ที่สูดหายใจเอาละอองแห้งนี้เข้าไป ก็อาจติดหวัดได้


ฉะนั้น การป้องกันไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไม่ว่าสายพันธุ์ใด จึงควรป้องกันการแพร่กระจาย โดยกาป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยไอ จาม สั่งน้ำมูก น้ำลาย เลอเทอะไปทั่ว โดยการใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูกเวลาไอ หรือจาม เพื่อไม่ให้ผู้ป่วย แพร่เชื้อไปยังผู้อื่นโดยปล่อยละอองน้ำมูก น้ำลาย ไปในอากาศ


ส่วน ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสแล้ว แต่ยังไม่มีอาการไข้หวัด (ระยะฟักตัว 1-3 วัน ก่อนมีอาการ)แต่เขาก็มีเชื้อโรคที่สามารถแพร่ไปสู่คนอื่นได้แล้ว


ฉะนั้น ลมหายใจ น้ำมูก น้ำลาย เขาก็มีเชื้อโรคอยู่แล้ว เขาจึงอาจแพร่เชื้อได้โดยการจาม


ฉะนั้น การจะป้องกันไม่ให้ผู้ป่วย หรือผู้ได้รับเชื้อโรคแล้ว(แต่ยังไม่มีอาการ)แพร่เชื้อไปสู่อากาศ ก็ควรจะให้ผู้ป่วยทุกคน ใส่ผ้าปิดปากปิดจมูก (mask) เวลาออกไปนอกบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อให้คนอื่น


ส่วน ผู้ยังไม่มีอาการ (ไม่ว่าจะได้รับเชื้อหรือไม่)ก็ควรจะมีผ้าปิดปากปิดจมูก เวลาออกไปยังที่ชุมนุมชน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันตนเอง มิให้สูดเอาเชื้อไวรัสจากอากาศ


ใน โรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยเยอะๆ ในปัจจุบันนี้ บุคลากรในโรงพยาบาล จึงต้องใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ และให้ผู้ป่วยใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเช่นกัน


หรือ คนอาจจะแพร่เชื้อให้คนอื่น จากการกินอาหารร่วมกัน โดยไม่ใช้ช้อนกลาง หรือมือของผู้ป่วยเอาไปเช็ดน้ำมูก น้ำลาย แล้วไปป้ายตาม ของเล่น (เด็ก)หรือจับประตู เอาน้ำมูกไปป้ายตามที่ต่างๆ ก็สามารถแพร่เชื้อไวรัสได้


การ ล้างมือจึงสำคัญมาก เพราะถ้ามือเราไปจับสิ่งที่เปื้อนน้ำมูกน้ำลาย แล้วเอามาขยี้จมูก หรือเอาใส่ปากอม(เด็ก)หรือหยิบของกิน ก็จะทำให้เราได้รับเชื้อไวรัสได้ จึงต้องหมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำ และสบู่


ห้อง น้ำสาธารณะตามตลาดสด และร้านอาหาร มักไม่ค่อยมีสบู่ไว้สำหรับฟอกมือ จึงควรจะมีข้อบังคับด้านสุขอนามัยจากเทศบาล หรือกระทรวงสาธารณสุข ชี้ชวน(น่าจะออกเป็นประกาศกระทรวงบังคับ)ให้ห้องน้ำในที่สาธารณะ ตลาด และร้านอาหาร ต้องมีสบู่ไว้ให้ประชาชนล้างมือหลังเข้าห้องน้ำ ให้ติดเป็นนิสัย


เพราะการล้างมือนั้น จะสะอาดปราศจากเชื้อโรคได้ ก็ต้องฟอกด้วยสบู่ทุกครั้ง ไม่ใช่ล้างน้ำเปล่าอย่างเดียว


และการล้างมือให้สะอาดนี้ นอกจากจะป้องกันโรคไข้หวัดแล้ว ยังป้องกันโรคท้องร่วง บิด อหิวาต์ ลำไส้อักเสบได้เป็นอย่างดีอีกด้วย


ขอให้ช่วยแพร่ข่าวนี้ด้วย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไข้หวัดใหญ่ระบาดไปมากกว่านี้

พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา

กุมารแพทย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น